ดร.รอยล จิตรถอน ที่ปรึกษาสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมปี 2567 ผ่านรายการ คลุกวงใน ถามตรง ถามจริง ทางช่อง อมรินทร์ทีวี เอชดี หมายเลข 34 โดยระบุว่า เมื่อเทียบปริมาณน้ำในปีนี้กับปี 54 ที่เกิดมหาอุทกภัย พบว่าอยู่ที่ประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ เพราะปี 54 ที่น้ำท่วมใหญ่นั้น น้ำเริ่มท่วมในแต่ละภาคมาตั้งแต่เดือนมกราคม ไล่มาเรื่อยๆ จนถึงเดือนกันยายนน้ำก็มาล้อมกรุงเทพมหานครไว้หมดแล้ว ขณะเดียวกันน้ำในทุ่งปี 54 อยู่ 15,000 ล้าน ลบ.ม. ส่วนน้ำในทุ่งยังไม่มีเลย ส่วนใหญ่ยังอยู่ในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้จากวิกฤติภาวะโลกร้อน ก็ต้องเฝ้าระวังกันต่อไป

สำหรับปรากฏการณ์ ลานีญา ที่ลมค้า (ลมในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะพัดจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก หรือจากฝั่งทวีปอเมริกาเหนือและใต้มายังฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย พาผิวน้ำทะเลอุ่นซึ่งอุ่นขึ้นจากแสงอาทิตย์มาสะสมที่แปซิฟิกตะวันตก เปิดทางให้กระแสน้ำเย็นจากใต้มหาสมุทรไหลขึ้นมาที่ผิวน้ำในทะเลฝั่งแปซิฟิกตะวันออก) พัดแรงกว่าปกติ ผิวน้ำทะเลอุ่นจะถูกพัดมาอยู่ที่ฝั่งเอเชียมากกว่าปกติ ทำให้ฝั่งเอเชียฝนตกมากยิ่งขึ้น จนอาจเกิดเป็นภัยพิบัติทางน้ำขึ้นมาได้ ขณะที่ฝั่งอเมริกาจะแห้งแล้งกว่าเดิมนั้น ตนมองว่าน่าจะเกิดช่วงปลายปี ซึ่งตอนนั้นระดับความชื้นในอากาศก็ลดลงแล้ว และยังมีลมเหนือมาช่วยสมทบอีก ก็จะเกิดผลกระทบน้อยลง

ดร.รอยล เผยอีกว่า สำหรับจังหวัดที่อยู่ตามลุ่มน้ำเหนือกรุงเทพฯ เช่น สิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี นั้น แนวโน้มสถานการณ์น้ำเหนือคงไม่หลากลงมาแต่ต้องจับตาฝนที่ตกในพื้นที่ และเรื่องของคันกั้นน้ำที่หากน้ำมาต้องปั๊มน้ำออก ตรงนี้ต้องเช็กให้ดีว่าเครื่องปั๊มสามารถทำงานได้ดีหรือไม่ เพราะได้บทเรียนมาจากปี 54 ที่ตอนนั้นเครื่องใช้งานได้เพียง 40% หลายจังหวัดคิดแค่ว่าต้องกั้นน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ให้เข้ามา แต่ลืมนึกไปว่าหากมีฝนตกในพื้นที่สมทบลงมาจะเอาน้ำออกอย่างไร พอระบายไม่ทันก็เกิดการท่วม ต้องวางแผนเรื่องการจัดการน้ำให้ดี

ชมคลิป