รักต่างศาสนา คู่รัก แอบคบกัน12ปี พิสูจน์รักแท้-ทลายกำแพงศาสนา ทนคำครหา”รักไปไม่รอด”

Author:

จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อก @narin.pakbaraw ได้โพสต์คลิปของเรื่องราวความรักต่างศาสนา โดยฝ่ายหญิงซึ่งเป็นชาวมุสลิม เดินทางไปงานบวชฝ่ายชายซึ่งเป็นชาวไทยพุทธ พร้อมระบุแคปชั่นว่า “เรื่องราวความรักต่างศาสนาที่ทำให้หัวใจพองโต”

วันที่ 5 พ.ค.2567 นางสาวฮายาตี แยแลขอ หรือคุณตี และนายขวัญพร มูณีรัตน์ หรือคุณต้น หรือ อามีน (ชื่อทางศาสนาอิสลาม) เปิดเผยกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ โดย นางสาวฮายาตี เล่าว่า ตนทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่1 ในปี พ.ศ.2552 จากนั้นก็เป็นเพื่อนกัน ทำกิจกรรมด้วยกันมาตลอด ก่อนจะเริ่มคบกันเป็นแฟนในปี พ.ศ.2554 และตอนนี้ก็แต่งงานเป็นสามี ภรรยากันแล้ว โดยคบกันมาเป็นเวลากว่า 12 ปี

รักต่างศาสนา คู่รัก แอบคบกัน12ปี พิสูจน์รักแท้-ทลายกำแพงศาสนา ทนคำครหา"รักไปไม่รอด"

รักต่างศาสนา คู่รัก แอบคบกัน12ปี พิสูจน์รักแท้-ทลายกำแพงศาสนา ทนคำครหา”รักไปไม่รอด”

นางสาวฮายาตี ยอมรับว่า ความแตกต่างทางศาสนาถือเป็นอุปสรรคในความรักของเราทั้งคู่ ทั้งเสียงจากคนรอบข้างโดยเฉพาะครอบครัวที่รับไม่ได้ที่เรารักกัน นอกจากนี้ยังรวมถึงการใช้ชีวิตด้วยกันที่จะต้องการปรับตัวค่อนข้างมาก

ส่วนเรื่องการที่ชาวมุสลิมเข้าไปงานบวชได้หรือไม่นั้น นางสาวฮายาตี กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องของเจตนาของเรามากกว่า หากเราเข้าวัดไปดูสถาปัตยกรรม แต่ไม่ได้ไปไหว้ ตนก็มองว่าไม่ผิด เช่นเดียวกันกับการไปงานบวช เนื่องจากตนอยากไปดูอยากไปอยู่ในโมเมนต์การบวชของแฟน รวมถึงยังเป็นวันสำคัญที่แฟนจะเปิดตัวตนให้กับครอบครัวได้รู้จักครั้งแรก แต่ตอนทำพิธีตนไม่ได้เข้าไปร่วมเลย

ด้านอามีน เปิดเผยว่า ตนอดทนรอเวลามากกว่า 12 ปี เพื่อพิสูจน์และหาจังหวะที่เหมาะสมในการเปิดเผยกับที่บ้านเธอเรื่องความสัมพันธ์ของตนและภรรยา เพราะตนรู้ดีที่สุดว่าคนที่บ้านตนเป็นอย่างไร โดยตนตั้งใจว่าจะเปิดเผยกับแม่ในวันที่ตนบวชให้แม่ ในตอนแรกตนคิดว่าแม่จะต้องรับไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะแม่มีปมเรื่อง ที่พ่อไปแต่งงานกับชาวมุสลิม ตนก็กลัวว่าแม่จะเสียใจ

ปรากฏว่าแม่ไม่ได้โกรธและรับได้ ซึ่งตนก็คิดว่ามันคงเป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะถ้าหากตนบอกแม่ตอนที่คบกันได้แค่ 1 ปี หรือแค่ 5 ปี สถานการณ์ก็อาจจะเปลี่ยนไป นอกจากนี้ตนยังเปิดเผยกับแม่ถึงแผนในอนาคต ว่าจะมีการเปลี่ยนศาสนา หลังจากสึกได้ 1 เดือน แต่งงาน สร้างครอบครัว และมีลูก จึงทำให้แม่สบายใจ ไม่มีเรื่องอะไรให้ห่วง

ตนรู้อยู่แล้วว่า การที่จะรักกับชาวมุสลิม จะต้องเปลี่ยนศาสนา ต่อเลยเคลียร์ของทางฝั่งศาสนาพุทธ บวชให้แม่เรียบร้อย ทำให้เต็มที่จะได้ไม่เสียใจทีหลัง จากนั้นหลังจากสึก 1 เดือน ตนก็ทำการเปลี่ยนศาสนา ในตอนแรกตนคิดว่าทางครอบครัวจะไม่โอเค

โดยที่ตนทำการเปลี่ยนศาสนาตนก็พาแม่และเพื่อนไปด้วยเพราะถือว่าเป็นวันสำคัญที่ตนจะเป็นการเปลี่ยนผ่านศาสนา แต่กลับกลายเป็นว่าวันนั้นแม่มีความสุข ถ่ายวิดีโอตลอดเวลา ซัพพอร์ตลูกมากๆ อีกทั้งยังมีการแอบไปทำการบ้านถึงการเปลี่ยนศาสนามาด้วย ฉันจะทำให้ตนรู้สึกดีมากๆ

นางสาวฮายาตี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 12 ปีของการคบกัน ทั้งพี่ๆ น้องๆ เพื่อนมหาลัยที่รับรู้มาโดยตลอด แต่ก็จะมีเสียงจากคนรอบข้างที่คิดว่าตนทั้งคู่คบกันได้ไม่นานแน่ๆ เดี๋ยวก็เลิกกัน ไปไม่รอดหรอก น้อยมากที่จะยินดีกับเราสองคน มีคนแอนตี้ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะครอบครัวที่ไม่รู้ว่าเราคบกัน แต่เราก็มีกันและกันในทุกช่วงเวลา คิดตลอดว่า ถ้าเราจับมือกันแน่นพอ เราจะผ่านไปได้

ในขณะเดียวกันทางตนที่เป็นชาวมุสลิม ก็คอยคุยกับที่บ้านตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะที่บ้านจะปลูกฝังมาตลอดว่าห้ามมีแฟนเป็นไทยพุทธ ตนเลยใช้เวลาตลอด 10 กว่าปี ในการทำให้เขาเห็นว่าแฟนเป็นคนยังไง และค่อยๆ ทลายกำแพงในใจทางศาสนาได้ สุดท้ายแล้วเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักของเราสองคน ว่าการที่เรารักกันไม่ได้พากันทำเรื่องเสียหาย อีกทั้งยังให้เกียรติศาสนาของแต่ละฝ่ายด้วย

สำหรับใครที่อยู่ในสถานะคล้ายกับคู่ตน ตนมองเชื่อว่าถ้ารักกันจริงๆ ความรักและเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ที่สำคัญต้องอยู่ในช่วงเวลาและโอกาสที่เหมาะสม ซึ่งถ้าหากว่าทำทุกอย่างถูกต้องตามศาสนา ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก และจะผ่านไปได้อย่างราบรื่นแน่นอน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *