เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 31 พ.ค.67 “กัน จอมพลัง” ประสานเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมจังหวัดสมุทรปราการ ลงพื้นที่ไปบริเวณ ริมถนนสุขุมวิท ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังมีพลเมืองดีส่งข้อมูลขอความช่วยเหลือไปให้ทางเพจ “กัน จอมพลัง” ว่าพบครอบครัวยากไร้ หลายชีวิต นอนอาศัยอยู่ในเพิงพักริมคลอง
เมื่อไปถึงพบกับครอบครัวตามที่ได้รับข้อมูลมาจริง ประกอบด้วยเด็ก 3 คน และผู้ใหญ่ 3 คน นั่งอยู่ในเพิงพัก สร้างด้วยไม้อัดสภาพทรุดโทรม หลังคามุงสังกะสี ปลูกอยู่ริมคลอง เป็นที่น่าเวทนา
จากนั้น “กัน จอมพลัง” ได้เข้าไปพูดคุยกับ น.ส.ลลิตา ศิริสวัสดิ์ อายุ 37 ปี ทราบว่า เป็นแม่ของเด็ก และให้ข้อมูลว่า เมื่อก่อนตนอาศัยอยู่กับสามีจนมีลูกด้วยกัน 4 คน ประกอบด้วยลูกชายคนโต อายุ 19 ปี ขณะนี้ถูกจับคดียาเสพติด ลูกสาว 2 คน อายุ 11 ปี และ 13 ปี ส่วนลูกชาย อายุ 9 ขวบ และยังมีหลานอีก 3 คน ที่ลูกทิ้งไว้ให้เลี้ยง โดยทั้งหมดไม่ได้เรียนหนังสือ
ต่อมาหลังสามีเสียชีวิต ตนจึงไปอยู่กับสามีใหม่ แต่ไม่นานก็เลิกกัน เนื่องจากสามีใหม่ติดคุกคดียาเสพติด ก่อนที่จะย้ายลูกและหลาน รวมทั้งแม่มาอาศัยอยู่ที่เพิงพักริมถนน เนื่องจากไม่มีที่ให้ไปแล้ว แต่ละวันตนก็จะยึดอาชีพเก็บของเก่าเพื่อนำไปขายรายได้ 100-200 บาทต่อวัน มาเป็นค่าอาหารประทังชีวิต และให้ลูกสาวอีก 2 คน ไปรับจ้างเก็บกุ้งย่านคลองด่าน ยอมรับว่าค่าใช้จ่ายนั้นไม่พอ จึงไม่สามารถที่จะหาเงินมาส่งเสียให้ลูกเรียนหนังสือได้
ทั้งนี้หลังจากมีคนมาช่วยตนก็อยากให้ลูกมีอนาคต สภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่หากจะเอาเด็กทั้งหมดไปดูแล ตนอยากขอปรึกษากันลูกคนโตและแม่ก่อน เนื่องจากที่ผ่านมาตนไม่เคยห่างกันกับลูกเลย
ด้าน นางวรรณา รุ่นลอด อายุ 60 แม่ ของ น.ส.ลลิตา กล่าวว่า ตนมาอยู่ที่นี่กับลูกและหลานมาหลายปีแล้ว รายได้ส่วนใหญ่มาจากเก็บของเก่า ตนอยากให้หลานมีอนาคต แต่ก็ไม่มีเงินที่จะมาส่งเสีย ทุกวันนี้เงินจะหามาจ่ายค่าอาหารก็หายากอยู่แล้ว น้ำที่ใช้กินก็ต้องไปกอกที่ก๊อกของชาวบ้าน ไฟฟ้าก็ไม่มี น้ำที่ใช้อาบจะไปตักที่คลอง จนทำให้หลานเกิดผื่นคัน ตนอยากให้เด็กทั้งหมดได้เรียนหนังสือเพื่อที่หลานจะได้มีอนาคตที่ดีขึ้น ที่ผ่านมาตนก็ไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร เนื่องจากบัตรอะไรเลย
ทางด้าน นายสมาน ปิ่นอยู่ อายุ 60 ปี อดีตกำนัน ต.บางปู กล่าวว่า ครอบครัวนี้พื้นเพเป็นคนคลองด่าน และมาอาศัยอยู่ตรงนี้ได้ประมาณ 7 ปี แต่ละวันได้ทำอะไรนอกจากเก็บของเก่าขาย ก่อนหน้านี้เคยมีชาวบ้านร้องเรียนให้เข้ามาดู แต่หลังจากเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบแล้วผู้เป็นแม่ไม่ยินยอมให้ลูกไปอยู่ที่อื่น อ้างว่าลูกมีพ่อมีแม่ ส่วนพฤติกรรมนั้น พบว่าผู้เป็นแม่เคยถูกจับในคดียาเสพติด เพิ่งพ้นโทษออกมา ขณะนี้ก็ทราบว่ายังเข้าพัวพันกับยาเสพติดอยู่ ชาวบ้านก็ไม่ได้ทอดทิ้ง แต่เมื่อเข้ามาช่วยผู้เป็นแม่เด็กไม่ค่อยให้ความร่วมมือ
ขณะที่ กัน จอมพลัง กล่าวว่า หลังจากตนได้รับข้อมูลจากพลเมืองดีที่เคยเอาอาหารไปให้ครอบครัวนี้ เมื่อได้สอบถามข้อมูลและเห็นสภาพความเป็นอยู่แล้ว คิดว่าเด็กๆ ไม่ควรจะมาอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ เด็กก็ไม่ได้เรียนหนังสือ จากนั้นตนจึงได้ติดต่อ พมจ.สมุทรปราการ, ตำรวจ สภ.บางปู ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เมื่อมาถึงพบว่าสภาพความเป็นอยู่อเนจอนาถมาก บ้านไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ต้องนอนอยู่ในเพิงสังกะสี น้ำก็ต้องใช้น้ำคลองที่อยู่ในกองขยะ ผู้ใหญ่อาบยังคัน และสัตว์มีพิษ แต่หลังจากได้คุยกับแม่ก็พยายามต่อรอง ขอปรึกษากับลูกๆ ก่อน
ตนมองว่าเป็นการประวิงเวลาหรือป่าว หลังจากกลับมาอาจจะเจอเด็กก็ได้ แต่ด้วยสภาพของแม่แล้วดูแลตัวเองยังไม่ได้ และก็ยอมรับว่าเสพยาเสพติด จึงถามว่า จะให้ลูกๆ เดินตามทางของแม่หรือ โตมาต้องติดยา ไร้อนาคต ซึ่งเป็นคำพูดที่แรง แต่ก็เป็นเรื่องจริง ทั้งนี้แม่ก็อย่าให้ลูกเรียน แต่ด้วยสภาพแล้วต้องยังไปหาปลา เก็บขยะประทังชีวิต ได้บ้างไม่ได้บ้าง เรามองอนาคตของน้อง จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ พม.เข้ามารับตัวไปดูแล เพื่อให้น้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น แต่หลังจากนี้น้องจะได้เรียนหรือทำอะไรต่อไปนั้น จะติดตามอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ นางสุฑารัตน์ ทองพินิจ นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ พมจ.สมุทรปราการ กล่าวว่า หลังจากลงพื้นที่ พม.ได้นำเด็กทั้ง 3 คน เข้ามาคุ้มครองสวัสดิภาพในเบื้องต้นก่อน เนื่องจากสภาพแวดล้อมของเด็ก รวมถึงคุณภาพชีวิตที่อยู่นั้น พบว่าไม่มีความเหมาะสม จากข้อมูลที่ได้ทราบว่าเอกสารของเด็กนั้น ขณะนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่มี ต้องขอตรวจสอบก่อน ส่วนการจะคืนเด็กให้กลับมาให้ครอบครัวหรือไม่นั้น พม.จะประเมินถึงความพร้อมที่จะรับเด็กกลับไป หลังจากได้คุยกับแม่แล้ว เบื้องต้นยินยอมที่จะให้ลูกไป และได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว จากนั้นจะได้นำเด็กไปพักอยู่ที่ศูนย์พักพิงต่อไป