จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อJang Phudsadee โพสต์คลิปบันทึกคำบอกเล่าของคุณยายคนหนึ่ง โดยระบุข้อความว่า เตือนภัยฟังยายเล่าเป็นอุทาหรณ์ สำหรับคนแก่อยู่บ้านคนเดียว คนร้ายจิตใจทำด้วยอะไรมาหาหลอกคนแก่ ได้เงินยายได้หมื่นกว่าบาท ยายบอกจะเก็บเงินไว้ทำบุญ พร้อมกับได้นำสิ่งของจำนวนหนึ่งไปมอบเป็นกำลังใจให้กับยาย
วันที่ 2 ส.ค. 67 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบคุณยายที่ปรากฏในคลิป คือ คุณยายสุข บัวครบุรี อายุ 91 ปี อาศัยอยู่เพียงลำพังในบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ บ้านหนองโสมง หมู่5 ต.อรพิมพ์ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งบ้านของคุณยายเป็นบ้านหลังสุดท้ายของหมู่บ้านติดกับทุ่งนา ห่างจากชุมชนประมาณเกือบ 200 เมตร
โดยวันนี้ นายเติบ ชัชวาล นายกเทศมนตรีตำบลอรพิมพ์ อำเภอครบุรี เดินทางมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดมวลชนสัมพันธ์ สภ.ครบุรี นำข้าวของเครื่องใช้และอาหารแห้งจำนวนหนึ่งมาเยี่ยมให้กำลังใจคุณยายฯ เพื่อให้คุณยายมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น
คุณยายสุข เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 ก.ค. 67 มีหญิงสาว 2 คน สวมหมวกกันน็อกและใช้ผ้าปิดบังหน้าตา บุกเข้ามาในบ้านกะทันหัน ทำทีมาติดต่อขอซื้อกระชาย ซึ่งตนบอกว่า ตอนนี้กระชายยังต้นเล็กอยู่ ไม่น่าจะมีหัวให้ได้ขาย แต่คนร้ายก็ไม่ฟัง คว้าเสียมไปลองขุดดู ก็พบว่ากระชายยังเล็กจึงไม่เอาไป
พร้อมกับพูดกัน 2 คนสำเนียงคล้ายกับคนแถวนี้ ว่า คนแนะนำหนทางมาให้ แน่นอนจริงๆ ซึ่งหลังจากไม่ได้กระชายทั้งคู่ก็ยังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับยายตลอด ก่อนที่คนนึงทำทีขอเข้าห้องน้ำที่อยู่หลังบ้าน ยายก็อนุญาตและระหว่างนั้น หญิงอีกคนก็ดึงยายให้ออกมาคุยกันหน้าบ้านเวลาผ่านไปนานพอสมควร
เมื่อคนที่เข้าห้องน้ำออกมา ทั้งคู่ก็พากันขอตัวกลับ ซึ่งยายไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งช่วงเย็นคิดได้ว่าจะต้องนำเงินไปจ่ายค่าไฟฟ้า จึงเข้าห้องนอนเพื่อนำเงินที่เก็บเอาไว้ทำบุญ จะเอามาแบ่งจ่ายค่าไฟก่อน แต่ก็มาพบว่าห้องนอนถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย ห่อเงินที่เก็บเงินไว้หายไปทั้งหมด เป็นเงินสดประมาณ 12,000 บาท
ซึ่งตนเก็บหอมรอมริบมานานหลายปี ทั้งจากเงินยังชีพผู้สูงอายุ และเงินจากลูกหลานเอามาให้ตอนมาเยี่ยม นอกจากนี้ต่างหูทองอีก 1 คู่ ที่ตนอุตส่าห์รับจ้างถอนกล้ามาตั้งแต่อายุ 15 ปี กับพระเครื่องต่าง ๆ สมัยพ่อแม่ที่ใส่สืบทอดมาอีก 3 พวง ก็ถูกขโมยไปทั้งหมด
คุณยายสุข กล่าวต่อว่า ที่ตัวเองต้องอยู่คนเดียวเพียงลำพังก็เพราะยังอยากอยู่บ้านเก่าดั่งเดิม แม้ว่าลูกหลานจะมาชักชวนให้ไปอยู่ที่อื่น แต่ก็ยืนยันจะอยู่ที่นี่ เพราะไม่อยากให้เป็นภาระลูกหลาน อีกทั้งยังพอมีแรง ได้ปลูกผักได้ออกกำลังกายอยู่บ้านแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว
แต่เมื่อมาถูกกระทำอย่างนี้รู้สึกเสียใจและเสียดายอย่างมาก เพราะตนไม่เคยมีเงินมากขนาดนี้มาก่อน และเงินที่เก็บเอาไว้เหล่านั้น ก็ตั้งใจจะเก็บเอาไว้ทำบุญสร้างกุศลก่อนที่จะล้มหายตายจากโลกไป กลับมาถูกคนใจบาปตัดเส้นทางบุญเสียได้
แต่ตนก็คิดว่าใครทำอะไรเอาไว้ก็จะต้องได้ผลกรรมเช่นนั้น เมื่อเสียไปแล้วก็เสียไป หากยังไม่ตายลูกหลานก็คงจะหามาให้ รวมถึงเงินผู้สูงอายุคงจะเก็บหอมได้มากกว่านั้น ซึ่งตนยังยืนยันว่า จะนำเงินที่ได้ไปทำบุญตามที่ตั้งใจเอาไว้ ส่วนคนที่เอาไป จากนี้ไปก็คงต้องเจอกับกรรมและคงไม่มีความสุขในชีวิตอีกต่อไป เพราะเป็นคนทรยศคน หาหลอกลวงคนอื่นไปทั่ว
ด้านน.ส.ผุสดี หวนกระโทก อายุ 39 ปี แม่ค้าหมูสด เป็นผู้ที่โพสต์เรื่องราวดังกล่าว กล่าวว่า ตนรู้ข่าวมาจากเพื่อนบ้านมาระยะหนึ่งแล้ว คิดอยู่นานว่าอยากจะนำเรื่องราวนี้มาบอกเล่าและเตือนภัยสังคม แต่ก็กังวลว่าคุณยายจะยังเสียใจและคิดมากกับเรื่องดังกล่าว จึงรอให้สภาพจิตใจของคุณยายดีขึ้นก่อน
จนมีโอกาสได้เข้าไปช่วยใช้สิทธิบัตรประชารัฐ จึงได้ถามไถ่และขออนุญาตถ่ายคลิปยาย เพื่อนำไปเผยแพร่เตือนภัยต่อสังคม เพราะมองว่าเป็นภัยร้ายแรงอย่างมากต่อคนในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเพียงลำพัง
ซึ่งการกระทำของคนร้ายทั้ง2 ถือว่า เป็นพฤติกรรมที่ไร้จิตสำนึก ไร้มนุษยธรรมอย่างร้ายแรง อาศัยความใจดีมีเมตตาของคนแก่มาลงมือก่อเหตุ หากเหตุการณ์นี้ได้ถูกเผยแพร่ไป ก็จะช่วยกระตุ้นให้ทุกคนหันมาใส่ใจและช่วยบอกเตือนญาติมิตร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาซ้ำอีก
อยากฝากไปถึงคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 2 คนว่า จากนี้ไปจะไปทำมาหากินอะไรก็คงไม่สำเร็จแน่นอน มาทำเวรทำกรรกับคนเฒ่าคนแก่มีมือมีเท้าครบ ไม่น่าจะมาทำกับคนแก่อย่างนี้เลย อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับตัวคนร้ายพวกนี้มาดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดให้หมดสิ้นไปเสียที เพราะคนร้ายพวกนี้ยังมีอีกมากในสังคมไทย
ขณะที่ พนักงานสอบสวน สภ.ครบุรี เปิดเผยว่า ผู้เสียหายมาลงบันทึกประจำวันเอาไว้ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 หลังจากรับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว และแกะรอยหาตัวคนร้ายมาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากช่วงเกิดเหตุไม่มีพยานผู้เห็นเหตุการณ์
อีกทั้งบริเวณที่คนร้ายก่อเหตุก็อยู่ห่างไกลจากแหล่งชุมชน ไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้การติดตามเบาะแสของคนร้ายทำได้ลำบาก แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงติดตามหาเบาะแสและตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ อยากฝากเตือนไปยังประชาชนให้ระมัดระวังคนร้ายประเภทนี้เพราะเป็นภัยอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่บ้านลำพัง ขอให้ระวังเป็นพิเศษ ควรหมั่นมาเยี่ยมเยียนญาติผู้ใหญ่ ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะเพิ่มความถี่ในการออกตรวจตราป้องปรามเหตุมากขึ้นด้วย