กรณีพบศพ นายนพดล (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ชาวบ้านหนองหว้า ต.ทรัพย์พระยา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ บริเวณป่าหนาม ริมห้วยลำมาศ หมู่ 7 บ้านหนองหว้า สภาพศพมีร่องรอยการกัดแทะของสัตว์ ส่วนหัวมีร่องรอยการถูกเผา คาดเสียชีวิตมาประมาณ 6 วัน
เหตุการณ์ดังกล่าวชาวบ้านแบ่งความคิดออกเป็น 2 กลุ่ม บางคนบอกว่าช็อกตาย เนื่องจากอากาศร้อน แต่หลายคนสงสัยร่องรอยการถูกเผาบริเวณศีรษะ น่าจะมีคนทำร้ายให้เสียชีวิตหรือไม่ เนื่องจากพบหลักฐานหลายอย่าง เช่น รองเท้าของผู้ตายวางอยู่คนละจุดกัน มีดของผู้ตายที่หล่นอยู่ และร่องรอยการถูกเผาใบหน้า
ผงะศพโผล่! เห็นนกจิกซากเดินเข้าไปดูใกล้ๆถึงช็อก ตำรวจเร่งสอบคลี่คดี
ล่าสุดหน่วยกู้ภัยสยามร่วมใจปู่อินทร์ รับมอบหมายจาก ร.ต.อ.วีระวุฒิ รัตน์ประโคน รอง สว(สอบสวน) สภ.หนองไทร อ.นางรอง และแพทย์โรงพยาบาลนางรอง ให้นำร่างของนายนพดล ไปชันสูตรต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยให้เหตุผลว่าอาจจะตายผิดธรรมชาติ
ด้าน นายอุดม (สงวนนามสกุล) อายุ 68 พ่อคนเสียชีวิต เล่าว่า การที่เจ้าหน้าที่ให้เอาศพไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต มันตรงกับความรู้สึกในใจว่า ลูกชายตายผิดธรรมชาติแน่นอน เชื่อว่าคนในหมู่บ้านน่าจะรู้เหมือนกับตนว่า ”มีคนกระทำ” และรู้ผู้กระทำ แต่ไม่สามารถบอกได้ตอนนี้
โดยครอบครัวนายนพดล ได้นำพระสวดเรียกวิญญาณให้กลับบ้านตามประเพณี
ด้าน นายอนุสรณ์ สิงห์สถิต ผู้ใหญ่หมู่ 7 กล่าวว่า ป่าแห่งนี้ชาวบ้านเรียกว่าป่าหนาม เพราะมีวัชพืชมีหนามเต็มพื้นที่ ชาวบ้านไม่ค่อยเดินเข้าไป เพราะไม่สะดวก แต่แปลกใจที่นายโด่ง เดินเข้ามาถึงจุดที่พบศพ
ขณะที่ เจ้าของร้านค้าในหมู่บ้าน เล่าว่า สองสามีภรรยาคู่นี้ จะมาซื้อเหล้าขาวที่ร้านเป็นประจำทุกวัน เพราะขาดไม่ได้บางครั้งมาปลุกซื้อเหล้าตอนที่ร้านปิดไปแล้ว
ส่วนกรณีที่มีคนสงสัยอาการของฝ่ายหญิงที่ใบหน้าปูดบวมเหมือนถูกทำร้ายนั้น ขอยืนยันว่าภรรยานายโด่ง”ช้ำทั้งปี” คือมีร่องรอยของการถูกทำร้าย หรือ ล้มเองเพราะเมา ไม่มีวันไหนที่ไม่เห็นใบหน้าปูดบวม
สาเหตุเพราะทะเลาะกับสามีบ้างจึงถูกชกใบหน้า หรือเมาแล้วล้มเองบ้าง แต่เวลาเป็นแผลฝ่ายหญิงมักจะชอบแกะทำให้เป็นแผลตลอดเวลา